ดูแล้วมานั่งคิด EP 4 : Zootopia ภาค 2
ผมตกใจมากจริงๆ ตอนเห็นประกาศสร้างภาคต่อ Zootopia
เฮ้ย มันห่างจากภาคแรก 9 ปีเลยนะ แต่ถามว่ารอดูไหม แน่นอนครับ ผมเป็นแฟนคลับเรื่องนี้เลยล่ะ เลยอดกังวลไม่ได้ว่าภาค 2 จะทำออกมาได้ดีกว่าหรือเทียบเท่ากับภาคแรกหรือเปล่า
ตลอดระยะเวลาการรอคอยผมตามดูเทรลเลอร์ของภาค 2 แค่อันแรก จากนั้นก็ใจจดใจจ่อรอไปดูที่โรงภาพยนตร์ซึ่งก็คือเมื่อวานนี้เองครับ
เช้าวันที่ 29/11/2025 ผมตื่นตอน 6 โมงเช้าด้วยหัวใจชื่นบานเมื่อจะได้ดู Animation ที่รอเสียที แม้อากาศหนาวๆ จะชวนให้อยากซุกตัวนอนต่อในผ้าห่มขนาดไหน แต่เพราะผมตั้งตารอวันนี้มากจึงไม่รู้สึกง่วง ตื่นตัวเหมือนโดฟคาเฟอีนตั้งแต่ตี 3 ด้วยซ้ำ จากนั้นก็นั่งเล่นเกมรอเวลาห้างเปิด
ไม่นานผมก็ได้เข้าไปดู Animation ที่ขอยกให้เป็นที่สุดของปีนี้เลย
คำเตือนก่อนจะเข้าสู่การรีวิวและชวนคุยตามประสาติ่งหนังไปเรื่อย (ฮ่า) นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไปจะมีสปอยเนื้อเรื่องนะครับ
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามากระโดดเข้าสู่โลก Zootopia ในมุมมองของผมกันได้เลย
.
.
.
Zootopia ภาค 2 ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกที่ห่างกันเพียง 1 อาทิตย์เท่านั้น นิคเรียนจบจากโรงเรียนตำรวจและได้เป็นคู่หูกับจูดี้ เด็กใหม่ไฟแรงกระโดเข้าไปทำภารกิจจับคนลักลอบขนสินค้าเถื่อนเข้าเมืองโดยไม่สนคำสั่งของผู้บัญชาการ สร้างความไม่พอใจให้กับเบื้องบนแต่จูดี้ก็ไปเจอกับคราบงูในรถตู้ขนของเถื่อน แลกกับการพังเมืองและพิธีรำลึก 100 ปีการสร้างกำแพงเปลี่ยนสภาพอากาศของ Zootopia
บอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้สุดจะ woke แบบตะโกนออกมาเตะหน้าคนดูเลยด้วยซ้ำ แต่มันกลับแนบเนียนตลอดทั้งเรื่องแถมยังชวนให้ผู้ชมร่วมตั้งคำถามไปกับพวกสัตว์ต่างๆ ในเมืองอีกต่างหาก
ถ้าให้พูดกันตามสัตย์จริง ชื่อเรื่องอย่าง Zootopia ก็เป็นการเล่นคำระหว่าง Zoo สวนสัตว์ กับ Utopia (ยูโทเปีย) สังคมในจินตนาการที่สมบูรณ์แบบ สร้างสรรค์ขึ้นโดยเซอร์ทอมัส มอร์ภายใต้หนังสือชื่อเดียวกันในปีค.ศ. 1516 เกาะสมมติแสนสวยงามที่มนุษย์ทุกคนใฝ่ฝันและอยากไปให้ถึง แม้ว่าความจริงแล้วมันจะเป็นเพียงจินตนาการอันตลกร้ายก็ตาม
ผมมองว่าการเลือกใช้คำว่า “Zoo” ที่หมายถึง “สวนสัตว์” ก็สื่อถึงความตลกร้ายไม่ต่างจากโลกยูโทเปียเลยนะ เพราะเดิมทีพวกมันคือสัตว์ป่า แต่เมื่อโดนเกณฑ์ โดนจับ หรือเกิดขึ้นมาในสวนสัตว์ก็จะโดนลดทอนพฤติกรรมเหล่านั้นลงจนบางตัวแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นสัตว์ป่าในตัวไปแล้ว
ไม่ต่างจากเหล่าสัตว์ใน Zootopia ที่โดนเปลี่ยน (shave) พฤติกรรมดุร้ายให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ทั้งระบบความคิด ทั้งการใช้ชีวิต หรือกระทั่งการมีภาษากลางซึ่งสัตว์ทุกตัวสามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ ในด้านหนึ่งมันก็สื่อถึง “ความเท่าเทียม” ที่พวกเขาอยากจะให้เกิดขึ้น แต่ลึกๆ ลงไปแล้วมันไม่สามารถมีความยุติธรรมหรือสัตว์ทุกตัวจะเป็นมิตรต่อกันได้
พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อสังคมถูกฉาบด้วยวาทกรรมอย่างหนึ่ง คนที่ไม่เข้าพวกก็จะโดนผลักไปเป็นกลุ่มชายขอบ เหมือนอย่างซิมบ้าใน the lion king (หมายเหตุ หากมีโอกาสผมก็อยากเขียนวิเคราะห์ animation เรื่องนี้เช่นกัน)
กลับมาที่ประเด็นของ Zootopia ภาค 2
แม้ว่าพวกสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อจะลดความเกลียดชังและหวาดระแวงต่อกันลงได้แล้วหลังเหตุการณ์ในภาคแรก แต่ผู้สร้างก็พาเราไปสำรวจมุมอื่นๆ ของสังคมสมมตินี้จนได้เห็นภาพกว้างของโลก Zootopia ที่การจะมีฮีโร่ได้ย่อมต้องมีผู้ร้ายเป็นคู่ตรงข้าม ทำไมจะไม่ล่ะ ในเมื่อเหรียญยังมีสองด้านเลย
แต่โลกไม่ได้มีทรงกลมแบนเหมือนกับเหรียญ มันมีด้านอื่นๆ ที่รอให้เราไปค้นพบความดำมืดภายใต้คำว่า “Utopia” อยู่อีก แตจะเป็นเรื่องอะไรนั้นฉากท้ายเครดิตมีสปอยการทำภาคต่อไว้แล้ว หน้าที่ของคนดูคงมีแค่พยายามรักษาสุขภาพและรอคอยการมาของภาคต่อไปเท่านั้น
โลก Zootopia ไม่มีเขตสัตว์เลื้อยคลานเพราะเหตุการณ์งูทำร้ายเต่าเมื่อหลายปีก่อน ทำให้สัตว์ตัวอื่นๆ หวาดกลัวและรังเกียจผิวเรียบลื่นไร้ขนของสัตว์ตระกูลนี้ (พวกสัตว์น้ำ, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำก็โดนเหมารวมไปด้วย) จึงโดนไล่ที่ให้ออกไปอาศัยนอกกำแพง ทว่าความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น
จูดี้ค้นพบว่าบันทึกของกำลังจะจัดโชว์ในงานเลี้ยงฉลองครบรอบการสร้างกำแพงปรับอากาศของตระกูลลิงซ์ลีย์ แมวสายพันธุ์ Lynx แมวป่าขนาดกลางที่มีขนหนาและมีขนเป็นพู่แหลมที่ปลายหู หางสั้น และอุ้งเท้าใหญ่ ทำให้เดินบนหิมะได้ดี พวกนี้ได้รับการชื่นชมจากสัตว์ต่างๆ ว่าเป็นผู้ที่สร้างความเท่าเทียมให้กับ Zootopia คิดถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับสัตว์ประเภทอื่น ทั้งที่ความจริงพวกมันไม่ต่างจากนายทุนที่มองมูลค่าของสิ่งต่างๆ เป็นจำนวนเงินที่จะได้กลับมา
ใช่ครับ ตัวร้ายของภาคนี้ก็คือตระกูลลิงซ์ลีย์ แมวป่าที่สร้างภาพจำให้กับสัตว์ต่างๆ ว่าพวกงูไว้ใจไม่ได้ เจ้าเล่ห์ อันตราย และน่ากลัว อย่างฉากที่จูดี้เข้าไปช่วยผู้นำตระกูลลิงซ์ลีย์ซึ่งโดนแกรี (งูตัวหลักของเรื่อง) จับไป เธอก็ขอให้เขาอย่าทำร้ายสัตว์ตัวที่รัดเอาไว้ แต่แกรีกลับตกใจและฉงนมาก มันบอกว่าไม่ได้คิดจะทำร้าย และที่เขามาก็เพราะต้องการสิทธิบัตรการสร้างกำแพงปรับสภาพอากาศที่เป็นของคุณย่าของเขา
ตอนนั้นจูดี้ลังเล แต่นิคกลับใช้กระทะฟาดหัวแกรีจนสลบเพราะไม่คิดจะเชื่อคำพูดของพวกงู ขนาดตัวผมยังปักใจเชื่อไม่ลงเลย และคิดว่าคงมีผู้ชมหลายคนคิดเหมือนผมว่าจะโดนหักมุมให้งูกลายเป็นตัวร้ายในตอนจบหรือไม่ ซึ่งมันเป็นคำถามที่ผู้สร้างทิ้งไว้ให้เราตั้งแต่ต้นเรื่องด้วยซ้ำ
“คุณจะเชื่อรูปลักษณ์ภายนอกได้มากแค่ไหน”
แล้วเรื่องก็ดำเนินไปจนถึงตอนไคลแม็กซ์ที่จูดี้กับแกรีโดนหักหลัง ผมชอบคำพูดของแกรีมาก และคิดว่ามันเป็นประเด็นที่เหมาะกับหัวข้อนี้ดีเหมือนกัน
ผมจำประโยคแม่นๆ ไม่ได้ แต่คร่าวๆ ก็คือ ตระกูลของเขาพยายามไล่ทวงความยุติธรรมคืนกลับมาโดยเชื่อใจกัน จึงร่วมกันแชร์ปัญหาแล้วช่วยกันหาทางแก้ไข ต่อให้วันนี้ตัวเขาจะตายไปและทำไม่สำเร็จ แต่ก็ยังมีสมาชิกครอบครัวคนอื่นสานความตั้งใจต่ออยู่ดี ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องแบกทุกเรื่องไว้บนบ่า ถ้าเจอคนที่สามารถแชร์ปัญหาด้วยกันได้แล้วก็อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ อย่าปฏิเสธที่จะไว้ใจพวกเขา หากเราเชื่อสุดใจสักวันความสำเร็จจะต้องมาถึงแน่นอน
เช่นเดียวกับตระกูลลิงซ์ลีย์ที่ต่อให้ผู้นำตระกูลคนก่อนตายไป แต่ความจริงที่ปกปิดเอาไว้ไม่ได้โดนตอกฝาโลงไปด้วย ฉะนั้นความผิดที่ก่อขึ้นย่อมส่งต่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอยู่ดี ก็เหมือนกับเหตุการณ์สำคัญของโลกอย่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศเยอรมันจะมีการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกปี หรือแม้แต่เหตุการณ์ประเทศญี่ปุ่นบุกนานจิงและใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ ต่อให้ภายในประเทศจะพยายามปิดหูปิดตาประชาชนอย่างไร สุดท้ายความจริงก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้และต้องเรียนรู้ ร่วมรับผิดชอบเพื่อเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกันคำพูดของแกรีก็เหมือนมาฟื้นคืนและเยียวยาหัวใจของผมให้ดีขึ้นจากบทความที่แล้ว ด้วยความที่เป็นลูกคนโตเลยชินกับการต้องเป็นเสาหลักครอบครัว ปราณหาเงินและแบกรับทุกอย่าง จนลึกๆ ผมก็ไม่ไว้ใจใครและมีความคิดปฏิเสธคนอื่นอยู่กลายๆ ถึงจะเข้าใจดีว่าชีวิตจริงมันต่างจากการ์ตูนมากกกกกกกกแค่ไหน แต่ผมพอจะมองเห็นเส้นทางที่ควรก้าวต่อไปแล้วล่ะ
สุดท้ายนี้ผมว่าการพักดูหนังบ้าง ดูการ์ตูนบ้าง หรือแม้แต่นั่งฟังเพลงอ่านนิยายไปวันๆ มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลย บางทีหน้าฉากที่ดูน่ารักแบบนั้นอาจจะสอนอะไรได้ลึกซึ้งและเข้าถึงหัวใจอย่างถ่องแท้ยิ่งกว่าเรื่องที่เขียนออกมายากๆ เสียอีก
แล้วคุณล่ะ ดู Zootopia แล้วได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง อย่าลืมมาแชร์ให้ผมอ่านบ้างนะ

0 ความคิดเห็น
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น